GDRI Gender Talk
สรุปผลเสวนาโต๊ะกลมว่าด้วย
“ร่างกฎหมายการคุกคามทางเพศ”
วันที่ 20 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. ถึง 12.30 น. ณ โรงแรมทีเคพาเลซ
ชมบันทึกเทปการประชุม ชมได้ที่
FB Page Gender Talk https://fb.watch/v0LuG1BdcO/
ที่มาของโครงการ
เนื่องจากปัจจุบันความรุนแรงและภัยคุกคามทางเพศได้เกิดขึ้นในสังคมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) เป็นจุดเริ่มต้นของการกระทำผิดทางเพศอย่างอื่น
เช่น ปัญหาข่มขืนกระทำชำเรา
หรือปัญหาอนาจาร
เป็นต้น อีกทั้ง การคุกคามทางเพศยังเป็นการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ และเป็นปัญหาทางด้านสิทธิมนุษยชน
ซึ่งการคุกคามทางเพศสามารถเกิดขึ้นได้กับบุคคลทุกเพศ ทุกวัย ในทุก ๆ ที่ รวมสถานที่ทำงาน ทุกเวลาในสังคม
ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเป็นการกระทำคุกคามทางเพศของผู้มีอำนาจเหนือกว่า
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ
(พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....โดยพรรคภูมิใจไทย
ได้เสนอแก้ไขสำหรับความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดต่อเสรีภาพ
ที่เพิ่มขึ้นบางฐานความผิด
กับการกำหนดความผิดฐานกระทำการอันไม่เหมาะสมกับเด็กในลักษณะเพื่อสนองความใคร่ของตนเองหรือผู้อื่น
ในการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาครั้งนี้ มีส่วนที่เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ
ที่เสนอพรรคก้าวไกล เสนอโดย ส.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล
โดยเสนอให้บัญญัติคำนิยาม “คุกคามทางเพศ” เพิ่มบทความผิดเกี่ยวกับการกระทำความผิดฐาน คุกคามทางเพศ ไปพร้อมกัน
แม้บัดนี้จะปิดการรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว
ตั้งแต่ เดือนเมษายน 2567 และมีข้อสรุปจากการรับฟังความคิดเห็นไปแล้วส่วนหนึ่ง https://www.parliament.go.th/section77/survey_search.php และสภาผู้แทนราษฎร
ได้มีมติรับหลักการในวาระที่หนึ่งไปแล้ว เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 และมีมติให้ตั้งกรรมธิการวิสามัญ จำนวน 31 คน
เพื่อพิจารณาในวาระที่สอง อย่างไรก็ตาม กลุ่มองค์กรที่ทำงานด้านการคุ้มครองสิทธิสตรี
เด็ก และผู้มีความหลากหลายทางเพศ เห็นว่าการเปิดรับฟังความเห็นยังไม่ทั่วถึง
และอาจมีการตกหล่นในสาระสำคัญของกฎหมาย ตลอดจนถึงการปฏิบัติใช้กฎหมาย อาทิ
การให้คำนิยาม ลักษณะพฤติกรรมการคุกคามทางเพศ ซึ่งต้องครอบคลุมถึงการคุกคามทางเพศด้วยวิธีการอื่นๆ
ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี่และกระแสของสังคมที่เปลี่ยนไป เช่น
การติดตามรังควานผู้เสียหาย (Stalking)
ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถนำกฎหมายที่แก้ไขแล้วมาบังคับใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างแท้จริง
ไม่สามารถคุ้มครองผู้เสียหายจากการถูกคุกคามทางเพศได้อย่างแท้จริง ดังนั้น
สถาบันวิจัยบทบาทหญิงชายและการพัฒนา สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ
และขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย (WeMove)
จึงได้ร่วมกันจัดให้มีเสวนาโต๊ะกลม
“ว่าด้วยร่างกฎหมายการคุกคามทางเพศ” ขึ้นในวันที่
20 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. ถึง 12.30 น. ณ โรงแรม ทีเคพาเลซ โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อ
- เปิดรับฟังความคิดเห็นให้ครบถ้วน
มุมมอง
ความห่วงใยจากภาคประชาชนสังคมที่มีประสบการณ์ทำงานด้านการคุ้มครองสิทธิสตรี
เด็ก และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ภาคส่วนราชการที่รับผิดชอบ
หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน
ในสาระสำคัญของเนื้อหาร่างกฎหมาย การคุกคามทางเพศ
- เพื่อแลกเปลี่ยนและนำเสนอความคิดเห็นจากองค์กรดังกล่าวต่อฝ่ายนิติบัญญัติ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา พรรคการเมือง และนักวิชาการ
ในการทำให้การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ในประเด็นการคุกคามทางเพศ มีความชัดเจน
ทำให้กฎหมายนำไปปฏิบัติใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวคำถามในการเสวนาโต๊ะกลมครั้งนี้
เบื้องต้นจะอิงกับที่เปิดรับฟังความคิดเห็น แต่ไม่จำกัด ดังนี้
-
นิยาม
“คุกคามทางเพศ” ควรครอบคลุมการกระทำใดบ้าง เช่น การคุกคามทางเพศ ที่กระทำโดยผ่านช่องทางการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญานี้
ความแตกต่างระหว่างการคุกคามทางเพศ และการละเมิดทางเพศอื่น
ที่มีอยู่แล้วในกฎหมายอาญา
-
กฎหมาย การคุกคามทางเพศ มีบทบาทเชิงสัญลักษณ์
ความเสมอภาคทางเพศสภาพ
(Gender Equality)
มีผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อมต่อชีวิตของ ผู้หญิง เด็ก แรงงาน
และผู้มีความหลากหลายทางเพศ กฎหมายการคุกคามทางเพศ ไม่ได้เกิดจากเจตนาดีและเจตจำนงทางการเมืองเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องบูรณาการเรื่องเพศสภาพ (Gender
Mainstreaming) เข้าไปในทุกขั้นตอน
ข้อกังวลในเรื่องอ่อนไหวในมิติเพศสภาพเหล่านี้ ทำอย่างไร
-
วิธีการเพื่อความปลอดภัย
ควรมีอะไรบ้าง ใครเป็นผู้สั่ง
-
การกำหนดอัตราโทษที่มีความเหมาะสมควรเป็นอย่างไร
-
การเกาะเกี่ยวกับกฎหมายอื่นๆ
และการติดตามผลการปฏิบัติใช้กฎหมาย
- ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ

สรุปการประชุมเสวนาหัวข้อ "ร่างกฎหมายการคุกคามทางเพศ"
การสรุปการเสวนาในวันนี้รวบรวมจากความคิดเห็นจาก
กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...) พศ ...
ส.ส. นักการเมือง นักกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ผู้ให้บริการคุ้มครอง และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากหลายภาคส่วน
สรุปข้อมูลสำคัญจากการประชุมนี้มีดังนี้:
1. ความจำเป็นในการปรับปรุงกฎหมาย: ผู้เข้าร่วมเสวนาทุกท่านเห็นด้วยถึงความจำเป็นในการมีกฎหมาย
เพราะประเทศไทยยังไม่มีการบัญญัติการคุกคามทางเพศไว้ในกฎหมายอาญา ทั้งที่กรณีคุกคามทางเพศและความรุนแรงที่มีต่อเพศสภาพต่างๆ
ในสังคมไทยเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในพื้นที่ทำงานและสื่อออนไลน์ เช่น Grooming ซึ่งเป็นการกระทำล่อลวงโน้มน้าวทางออนไลน์ ซึ่งไม่มีการสัมผัสร่างกาย
ส่วนมากหลอกล่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งของที่เด็กชอบเช่น เกมออนไลน์ ให้เด็กเปลื้องผ้า
ถ่ายภาพ/คลิปและนำไปสู่การแสวงประโยชน์ทางเพศจากเด็กเยาวชน อายุที่ตกเป็นเหยื่อจะมีอายุราว
8-12 ปีเท่านั้น มีการเสนอว่าควรนำ Grooming
มาพิจารณาสอดแทรกได้ในร่างกฎหมาย ในขณะนี้มีการร่างกฎหมาย Grooming
อยู่ ทางกระทรวงยุติธรรมกำลังศึกษาและผลักดันอยู่
หรือ การตื้อ ติดตาม รังควาน Stalking
หรือ ถ้ำมอง หรือการติดกล้องส่องดูความเป็นส่วนตัว
2. คำนิยามของการคุกคามทางเพศ: เป็นหัวใจของการเสวนาในครั้งนี้ มีการเสนอให้ขยายคำนิยามของการคุกคามทางเพศให้ครอบคลุมถึงการกระทำต่างๆ
ที่ส่อไปทางเพศ อาจไม่ได้มีการสัมผัสกายภาพโดยตรง แต่รวมถึงการพูดจา การแสดงท่าทาง
หรือข้อความที่มีลักษณะคุกคามหรือไม่เหมาะสม รวมการคุกคามผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์และออนไลน์เข้าไว้ในกฎหมาย
ซึ่งเป็นช่องทางที่มีการเติบโตและกลายเป็นปัญหาสำคัญในยุคดิจิทัล.
- ปัจจุบัน กฎหมายสารบัญญัติ กำหนดนิยาม การข่มขืนกระทำชำเรา และการกระทำอนาจาร และมีบทลงโทษที่ชัดเจนแล้ว แต่ยังไม่มีนิยามการคุกคามทางเพศ ซึ่งมีรูปแบบการกระทำที่ไม่ได้มีการสัมผัสกายภาพโดยตรง หรือมีการสัมผัสแต่ไม่อยู่ในนิยามข่มขืนกระทำชำเรา และอนาจาร รวมถึงการพูดจา การแสดงท่าทาง หรือข้อความที่มีลักษณะคุกคามหรือไม่เหมาะสม และต้องพิจารณาเรื่อง ความยินยอม ความพึงหรือไม่พึงปรารถนา Consent ของคู่กรณีด้วย ซึ่งเป็นภาษาใหม่ต้องหาคำอธิบาย Consent เหล่านี้ เป็นต้น บางท่านเสนอว่า อาจผนวกคำว่า กลัว กังวล จะตีความและหาพยานหลักฐานได้มากกว่า มีคำอธิบายว่า ข้อดีของการใช้คำว่า การไม่พึงปรารถนา หมายความรวมไปถึงการปฏิเสธที่ไม่ได้ออกเสียงมาชัดเจน ใช้ภาษานี้เพื่อให้คนกระทำเป็นคนรับผิดชอบการพิสูจน์ ไม่ผลักภาระการพิสูจน์ให้ผู้เสียหาย เป็นการต่อสู้เชิงวัฒนธรรม
- ผู้เข้าร่วมที่เป็นอดีตพนักงานสอบสวนกังวลว่า ความเป็นสีเทาๆ ไม่ชัดเจนในการนิยาม จะทำให้พนักงานสอบสวนไม่กล้าตั้งข้อหา เพราะกลัวการฟ้องกลับ หรือปล่อยให้พนักงานสอบสวนตีความตามประสบการณ์ ของตัวเอง จากภาษาที่ร่างไว้เช่น การคาดการณ์
- เพราะระบบกฎหมายไทยยังให้ภาระการพิสูจน์ความผิดเป็นของผู้เสียหาย รวมทั้งการคุกคามทางเพศ มักมีความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ผู้กระทำมีเหนือกว่าผู้ถูกกระทำ เช่น ในสถานที่ทำงาน ในสถาบันการศึกษา หรือ ระหว่างคนในครอบครัวที่ต้องพึ่งพิงในทางเศรษฐกิจ เป็นต้น มีข้อเสนอว่า การพิสูจน์ความผิดเรื่องนี้ให้เป็นภาระของผู้กระทำ หรือ ผู้ถูกฟ้องจะได้หรือไม่
- ทุกท่านเห็นด้วยว่าถ้ามีการฟ้องว่ามีการกระทำคุกคามทางเพศ ให้ใช้มาตรการ-วิธีเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน หลายท่านสนับสนุนให้ใช้ เพราะเรามีกฎหมายเรื่องนี้ แต่มักไม่ค่อยได้ใช้
- นักกฎหมายบางท่านกังวลใจว่า นิยามอาจมีความหมิ่นเหม่ จุดรอยต่อ เชื่อมระหว่าง อนาจาร และ คุกคามทางเพศ เช่น การสัมผัส จะแยกการกระทำสองอย่างนี้จากกันอย่างไร ถ้าไม่ชัดเจน จะเกิดช่องโหว่ อาจมีการวิ่งเต้นทางคดี ทำให้หนักเป็นเบา หรือ เบาเป็นหนัก ปัจจุบัน อนาจาร มีโทษสูงเทียบเท่าการข่มขืนกระทำชำเราอยู่แล้ว
- นักสิทธิสตรีสายแรงงาน เสนอให้มีนิยามคุกคามทางเพศในกฎหมายอาญา และมีโทษที่หนักเท่ากับอาญา ยอมความไม่ได้ มิใช่เพียงการกระทำที่ตีความเพียงแค่ลหุโทษให้เดือดร้อนรำคาญ ทำให้ตำรวจมักใช้การไกล่เกลี่ย ถ้าไม่มีความชัดเจนเช่นนี้ ลูกจ้างจะไม่กล้าฟ้องนายจ้างที่คุกคามลวนลาม เพราะถ้าฟ้องจะไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่จะถูกกลั่นแกล้ง จนอาจถูกเลิกจ้าง ส่วนใหญ่ลูกน้องเสียเปรียบ โดยเฉพาะผู้เสียหายต้องการความมั่นคงทางการงาน มักยอมไม่เอาความ
- นำเอาอนุสัญญา
ILO และ อื่นๆ เช่น CEDAW มาเป็นพื้นฐาน เน้นการเข้าถึง และคุณภาพความยุติธรรม
มาสนับสนุนในการร่างกฎหมายครั้งนี้ด้วย
- ที่สำคัญ ถ้ากฎหมายไม่ชัดเจน ยังมีความพยายามไกล่เกลี่ย และไม่มีกระบวนการช่วยเหลือ Legal Aid จะไม่ช่วยกลุ่มแรงงานข้ามชาติเลย มีกรณี เจ้าอาวาสวัดจับหน้าอกเด็กสาวแรงงานข้ามชาติ แต่ตำรวจไปให้น้ำหนักในเรื่องการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตรวจสอบว่ามีเอกสารถูกต้องหรือไม่ กลับไปช่วยอาวาสโดยไกล่เกลี่ยให้เด็กสาวยอมความ-ถอนฟ้อง แรงงานข้ามชาติมีระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทยจำกัด ดังนั้น ส่วนใหญ่จะยอมรับเงินปิดปาก ให้เรื่องจบไป เสนอว่าไม่ควรให้ยอมความได้
- นักกฎหมายสิทธิสตรี ชี้ว่า การกำหนดนิยาม ไม่ให้คลุมเครือระหว่าง Sexual assault การกระทำรุนแรงทางเพศ Exploitation การแสวงประโยชน์ทางเพศ Harassment การคุกคามทางเพศต้องคิดเป็นรูปแบบปิรามิด ตาม degree ความรุนแรง เริ่มจากฐานล่าง เช่น การล้อเลียน ขึ้นไป เช่น Grooming จะเข้ากลุ่มใด หรือ Bullying เพราะไม่มีการสัมผัส แต่เป็นการเตรียมให้เด็กพร้อมเพื่อถูกแสวงประโยชน์ทางเพศ มีช่องว่างทางกฎหมาย กรณีคุกคามทางเพศแทบไม่มีบาดแผลทางกาย แต่เป็นบาดแผลทางใจ ผู้เสียหายไม่ต่อสู้อย่างชัดเจน แต่ใช้การสื่อสารที่มีเจตนาส่อไปทางเพศเพื่อผลประโยชน์ Sextortion เช่น การส่งต่อภาพมีเพศสัมพันธ์ การส่งภาพอวัยวะเพศ Doxing เข้าช่องทางออนไลน์
- การแก้ปัญหาเรื่องนี้ ต้องเกี่ยวข้องหลายหน่วยงานและมีหลากหลายความเชี่ยวชาญ ซึ่งทางหน่วยงานยุติธรรมต้องมีการอบรมให้เจ้าหน้าที่มี gender-sensitive ไม่มี Bias ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน และการสร้างนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องลด Technology-facilitated gender-based violence ต้องให้มีมิติ Trauma Informed หรือใช้กลไก การไกล่เกลี่ยที่มีเงื่อนไข
- ควรทบทวนภาษา
เช่น วิญญูชน ที่อยู่ในร่างฯ คืออะไร ควรมีการพัฒนาชุดคำถามในการสอบสวน
ให้มีความเป็นกลาง ไม่มี Bias
3. การเพิ่มโทษและมาตรการรองรับ: การประชุมได้หารือถึงการปรับโทษให้เหมาะสมกับการกระทำคุกคามทางเพศที่รุนแรงขึ้น
และแรงขึ้นในกลุ่มผู้รักษากฎหมายหรือข้าราชการระดับสูง เพื่อเป็นการยับยั้งและลงโทษผู้กระทำการให้ตรงกับความรุนแรงของการกระทำ
หรือมีบทลงโทษก่อนการกระทำ เช่น Grooming
4. การนำเสนอข้อมูลและสถิติในการประชุม: มีการนำเสนอข้อมูลและสถิติที่อัปเดต เกี่ยวกับสถานการณ์การคุกคามทางเพศ
โดยเฉพาะในสถานที่ทำงาน เพื่อสร้างน้ำหนักในการพิจารณากฎหมาย
5. ต่อผู้ได้รับผลกระทบ:
มีการเน้นการใช้วิธีเพื่อความปลอดภัยและพื้นที่ความปลอดภัยที่ทำงานให้มากขึ้น
เช่น การกำหนดให้อยู่ห่างห้ามเข้าใกล้ รวมถึงความจำเป็นที่ต้องมีการช่วยเหลือทางกฎหมาย
การสนับสนุนทางจิตใจและการฟื้นฟูเยียวยาที่เหมาะสม มีกองทุนช่วยเหลือ ทั้งทางคดี สร้างแรงจูงใจให้ผู้ให้บริการที่ทำดีเรื่องนี้
เช่น การขึ้นขั้น ตำแหน่ง เงินเดือน เป็นต้น
6. การมีส่วนร่วมของชุมชนและการสร้างเครือข่าย:
การประชุมย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วม
และการสร้างเครือข่ายร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ
เพื่อส่งเสริมการป้องกันและการตอบสนองต่อปัญหาการคุกคามทางเพศในทุกระดับ
หลังการเสวนาครั้งนี้จะมีการเสวนาต่อเนื่อง และเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ เช่น
คณะกรรมการสิทธิฯ ซึ่งขณะนี้ก็มีการประกาศแนวปฏิบัติการป้องกันการคุกคามทางเพศ และ
มีร่างกม. การคุกคามทางเพศ หรือมีการคุยเรื่อง Grooming ต่อเพื่อให้มีกฎหมาย
เช่นเดียวกัน
หรือ การร่างกฎหมายเน้นการคุ้มครองเด็ก
ที่ร่างไว้โดย คณะ Majestic
ที่ทางกระทรวงยุติธรรมกำลังพิจารณาอยู่
เรืองรวี พิชัยกุล สรุป อาจไม่ครอบคลุม
ต้องขออภัยด้วยค่ะ
20 กันยายน 2567





ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น